วันอาทิตย์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2566

10สนามฟุตบอลที่สวยที่สุดในโลก

 

1. Pancho Aréna, Felcsut

 

สโมสรฟุตบอลเล็ก ๆ ในฮังการี ที่มีชื่อว่า Puskás Akadémia FC  จุคนได้ประมาณ 5,000 คน จริงๆแล้วไม่ใหญ่มากครับ แต่ที่นี่มีความพิเศษ คือ เป็นสนามฟุตบอลที่มีเอกลักษณ์ของสถาปัตยกรรมแบบนีโอโกธิค สังเกตจากส่วนโค้งของหลังคาที่ทำจากไม้ ออกแบบโดยอิมเร มาโคเว็ตซ์ ตำนานสถาปนิกชาวฮังกาเรียน ซึ่งจะทำให้คนดูมีความรู้สึกเหมือนอยู่ในโบสถ์วันอาทิตย์มากกว่าสนามฟุตบอล! จึงรับรองได้ว่าไม่มีสนามไหนเหมือนกับที่นี่อีกแล้ว และใช้เวลาสร้างนานถึง 2 ปีเชียวน้า ใครที่ไปฮังการี แวะถ่ายรูปก็เป็นความคิดที่ไม่เลว

2.Allianz Arena, Munich

แฟนฟุตบอลเยอรมันคงรู้จักสนามนี้กันดี เนื่องจากเป็นบ้านของทีมดัง FC Bayern Munich จุแฟนบอลได้มากถึง 75,000 คน ซึ่งสัญลักษณ์ที่เป็นที่จดจำไปทั่วก็คือ พลาสติก ETFE ส่วนผสมของพลาสติก-ฟอยล์ชนิดพิเศษ อัดก๊าซแห้งเรืองแสงไว้ข้างใน มองแต่ไกลเหมือนยานบินอวกาศสีขาว ถือว่ามีความทันสมัยมากๆครับ และเป็นสนามกีฬาแห่งแรกที่สามารถเปลี่ยนสีอาคารภายนอกได้แบบเต็มรูปแบบ โดยปกติจะเปลี่ยน 3 สี ตามสีของทีมที่ใช้สนามนี้เป็นประจำ เพื่อบอกว่าแต่ละค่ำคืนนั้นทีมใดลงแข่งขัน ได้แก่ สีขาว-ทีมชาติเยอรมัน สีแดง-ทีมบาเยิร์น มิวนิก และสีน้ำเงิน-ทีม 1860 มิวนิก

3. National Stadium, Kaohsiung

ใครจะรู้ว่าแถบเอเชียใกล้ๆบ้านเรา อย่างไต้หวัน ที่ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวที่ไป มักไปตระเวนกินครับ ^^ จะมีหนึ่งสนามบอลที่ติดอันดับว่าสวยที่สุดในโลกด้วย สนามกีฬาแห่งชาติเกาสง เคยถูกใช้เป็นสถานที่จัดพิธีเปิด-ปิดการแข่งขันเวิลด์เกมส์ 2009 มีความจุ 55,000 คน ผู้ออกแบบสนามคือ โทะโย อิโต สถาปนิกชื่อดังชาวญี่ปุ่นครับ เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบแนวล้ำสมัย รูปทรงของสนามจึงถูกออกแบบให้มีลักษณะคล้ายมังกรที่กำลังนอนขดตัว และที่หลังคาเขาได้ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์เพื่อใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าใช้ภายในสนาม นับเป็นสนามกีฬาแห่งแรกของโลกที่สร้างด้วยสถาปัตยกรรมที่สวยงาม ทันสมัย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยใช้เทคโนโลยีการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ เจ๋งสุดๆไปเลยล่ะครับ

4. Maracana Stadium, Rio de Janeiro

เป็นสนามฟุตบอลในเมืองรีโอเดจาเนโร ประเทศบราซิล และเป็นสนามกีฬาแห่งชาติของบราซิล สนามมารากานังเป็นสนามเหย้าของสโมสรฟุตบอล 4 สโมสร ได้แก่ ฟลาเมงกู (Flamengo), บอตาโฟกู (Botafogo), ฟลูมีเนงซี (Fluminense) และวัสกู ดา กามา (Vasco da Gama) ครับ

มารากานังเป็นสนามหนึ่งในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 และในรอบรอบชิงชนะเลิศ และเป็นสนามในการแข่งขันฟุตบอลรอบชิงชนะเลิศในโอลิมปิกฤดูร้อน 2016 และเป็นสถานที่จัดพิธีเปิดและปิดโอลิมปิกในครั้งเดียวกัน

อดีตสนามฟุตบอลที่ใหญ่ที่สุดในโลกครับ โดยชื่อของสนามนั้นมาจากชื่อย่านมารากานาที่อยู่โดยรอบ เปิดใช้งานอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 1950 เพื่อใช้ในการแข่งขันฟุตบอลโลก 1950 ซึ่งนัดเปิดสนามระหว่างเจ้าถิ่นแซมบ้ากับทีมจังโก้ เม็กซิโกนั้น มีผู้เข้าชมมากถึง 199,854 คน นับว่ามากที่สุดในโลกเท่าที่เคยมีการบันทึกมา! โดยเดิมทีสนามแห่งนี้มีความจุมากถึง 200,000 คน แต่ได้ลดจำนวนลงเนื่องจากเหตุการณ์อัฒจันทร์ถล่มเมื่อปี 1992 ปัจจุบันมีความจุเหลือเพียง 74,000 ที่นั่งเท่านั้น

 

5. Luzhniki Stadium, Moscow

สนามหลักของการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซียเป็นเจ้าภาพที่ผ่านมานั่นเอง ใครมีโอกาสได้ไป มีช้างละอิจฉาจริงๆ โดยใช้แข่งขันทั้งในรอบแบ่งกลุ่ม รอบ 16 ทีมสุดท้าย รอบรองชนะเลิศ และรอบชิงชนะเลิศ มีความจุ 80,000 ที่นั่ง ตั้งอยู่ริมแม่น้ำมอสโก เป็นสนามกีฬาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศรัสเซีย สนามกีฬานี้เป็นส่วนหนึ่งของศูนย์โอลิมปิกลุจนีกี ก่อนเรียกว่าสนามกลางเลนิน สนามแห่งนี้เคยเป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน 1980 อีกทั้งเคยใช้จัดการแข่งขันฟุตบอลถ้วยยุโรปรอบชิงชนะเลิศมาแล้วถึง 2 ครั้ง คือ ยูฟ่าคัพ ปี 1999 ระหว่างปาร์มา-มาร์แซย์ และยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ปี 2008 ระหว่างเชลซี-แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ปัจจุบันยังเป็นสนามฟุตบอลของสโมสรฟุตบอลชื่อดังในรัสเซีย คือ สโมสรฟุตบอลซีเอสเคเอมอสโก และสโมสรฟุตบอลสปาร์ตัคมอสโก โดยสนามแห่งนี้มีระดับ 4 ดาว จากการรับรองมาตรฐานจากยูฟ่า

 

6. Estadio Da Luz, Lisbon

 

ที่นี่เป็นสนามที่สร้างขึ้นใหม่แทนของเดิมครับ เปิดใช้งานเมื่อ 25 ตุลาคม 2003 จุคนได้ประมาณ 60,000 คน ซึ่งลดความจุจากสนามเดิมครับ ชื่อของสนามมีความหมายเป็นภาษาอังกฤษ ว่า Stadium of light ใช้เป็นสนามเหย้าของสโมสรเบนฟิกา แฟนบอลของเบนฟิกาห้ามพลาดเลยครับ สนามนี้เคยใช้จัดการแข่งขัน ในรายการสำคัญคือ สนามแข่งขันในนัดชิงฟุตบอลยูโร 2004 และนัดชิงฟุตบอลยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีก ในปี 2014 ครับ

 

7. Wembley Stadium, London

เริ่มก่อสร้างเมื่อปี 2002 เปิดใช้งานอย่างเป็นทางการในปี 2007 ถูกสร้างแทนสนามเวมบลีย์เดิม จุได้ประมาณ 90,000 ที่นั่ง ถือเป็นสนามที่มีความจุมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของทวีปยุโรป จะถูกใช้เป็นสนามในเกมส์รอบรองและรอบชิงชนะเลิศฟุตบอล เอฟเอคัพ นัดชิงลีกคัฟและเคยใช้จัดนัดชิงยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีก ปี 2013 ฟุตบอลในโอลิมปิดเกมส์ 2012 และใช้เป็นสนามเหย้าของทีมชาติอังกฤษ นอกจากนี้จะใช้เป็นสนามเหย้าชั่วคราวของสโมสรฟุตบอลทอตแนมฮอตสเปอร์ ในระหว่างก่อสร้างสนามแห่งใหม่อีกด้วย  อีกทั้งจะใช้เป็นเกมส์การแข่งขันรอบรองและรอบชิงรายการฟุตบอลยูโรในปี 2020 รีบจองตั๋วไปลอนดอนเลยครับ อย่าพลาด

 

8. Stade Louis ii, Monaco

สนามเหย้าของทีมโมนาโก ทีมดังจากลีกเอิง มีความจุประมาณ 20,000 คน สวยทั้งตัวสนามและที่ตั้งของสนามที่ติดกับชายฝั่งทะเลเลยล่ะครับ ก่อสร้างในปี 1980 เปิดใช้อย่างเป็นทางการในปี  1985 ที่นี่มักใช้ในการแข่งบอลยุโรปถ้วยเล็กอย่างยูฟ่าบ่อยๆครับ

 

9.Estadio Municipal De Braga, Portugal

ก่อสร้างในปี 2003 เปิดใช้งานอย่างเป็นทางการปีในปีเดียวกัน จุคนดูได้ราวๆ 30,000 คน ที่นี่เป็นสนามเหย้าของสโมสรบราก้า และใช้เป็นสนามแข่งขันฟุตบอลยูโร 2004 และยังเป็นสนามเหย้าของทีมชาติโปรตุเกสในบางโอกาส จุดเด่นของสนามนี้คือ ความสวยงามของทิวทัศน์ ที่รอบล้อมด้วยหุบเชา พี่ช้างว่าสวยน่าดูครับ ถ้าได้ไป เชียร์บอลไปด้วย เห็นบรรยากาศที่สวยงาม ต้องไปให้ได้ก่อนตายอย่างแน่นอน ^^ สิ่งที่น่าประทับใจคือ เราได้เห็นสถานที่งามๆ แบบนี้ เงินลงทุนใช่ย่อยเลยครับ ใช้เงินไปถึง 83 ล้านยูโร ในการขุดเจาะหุบเขาเพื่อจะสร้างสนามแห่งนี้ครับ



10ช้างอารีย์น่า

ช้างอารีนา หรือชื่อเดิม ไอ-โมบาย สเตเดียม ตั้งอยู่ที่อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์  เป็นสนามกีฬาที่สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นสนามเหย้าของสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ยูไนเต็ด สนามแห่งมีความจุ 32,600 ที่นั่ง ถือได้ว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวดึงดูดผู้คนทั้งในและจังหวัด ใกล้เคียงรวมถึงแฟนบอลทุกเพศทุกวัยให้มาที่นี่ เพื่อชมสนามฟุตบอลที่สวยงามและได้มาตราฐานระดับโลก เมื่อเดินขึ้นบันไดเข้ามาสู่สนามต้องร้องว้าว เพราะสนามสวยงามทันสมัยยิ่งใหญ่ เหมือนกำลังเดินชมสนามฟุตบอลในต่างประเทศ สิ่งแรกที่สะกดสายตา คือ ตัวสนามหญ้าพร้อมสแตนด์ฝั่งตะวันตกที่มีตัวอักษร Thunder Castle เด่นเป็นสง่าตัดกับพื้นหญ้าสีเขียว ตัวสนามเน้นใช้สีน้ำเงินทำให้ดูเรียบโก้และหนักแน่น โดยสามารถเดินชมและถ่ายภาพได้ทั้งหมดยกเว้นห้ามเดินลงไปเหยียบหญ้า เพราะหญ้าคือหัวใจสำคัญ ของสนามฟุตบอลต้องดูแลรักษากันเป็นอย่างดี  

 

 ที่มา:https://www.changtrixget.com/travel/the-most-beautiful-football-stadiums-in-the-world/

10 สายพันธุ์แมวนิยมเลี้ยงในไทย น่ารัก สดใส ถูกใจทาส

 

1. สีสวาด

พันธุ์แมวยอดนิยม

แมวสีสวาด (Silver Blue) หรือที่รู้จักกันในชื่อ แมวโคราช แมวมาเลศ และแมวดอกเลา เป็นหนึ่งในแมวมงคลนำโชคของไทย มีอายุเฉลี่ยประมาณ 15-20 ปี ลักษณะเป็นแมวขนาดกลาง โดดเด่นด้วยขนสั้นสีสวาดหรือสีเทาทั่วทั้งตัว ตาสดใสเป็นประกาย ออกสีเขียวเรืองแสงหรือสีเหลืองอำพัน หัวเป็นรูปหัวใจ หูใหญ่ ตั้ง แบน หางยาวปลายแหลม ขาเรียวได้สัดส่วน ส่วนนิสัยฉลาด อ่อนโยน และขี้อ้อน ชอบเกาะแกะอยู่กับเจ้าของ เข้ากับเด็กเล็กและแมวตัวอื่นได้ดี แต่จะพลังเยอะมาก ต้องการเล่นตลอดเวลา และต้องการเป็นจ่าฝูง ด้านการเลี้ยงดูสามารถปล่อยได้ทั้งในและนอกบ้าน ดูแลไม่มาก ฝึกได้ไม่ยาก แสดงออกชัดเจน แถมประสาทสัมผัสทางการได้ยิน มองเห็น และดมกลิ่นดีเยี่ยม ราคาอยู่ระหว่างหลักพันกลาง ๆ ถึงหลักหมื่นต้น ๆ

2. ขาวมณี

พันธุ์แมวยอดนิยม

แมวขาวมณี (Khao Manee) เป็นแมวที่พบได้บ่อยมากในไทย ชื่อเป็นมงคลสื่อถึงอัญมณีสีขาว มีอายุเฉลี่ยประมาณ 10-12 ปี ขนาดกลาง ลักษณะโดดเด่นด้วยขนสั้นและนุ่มสีขาวสะอาดทั่วทั้งตัว หัวใหญ่ทรงหัวใจ จมูกสั้น หูตั้ง หางยาว ปลายแหลม แถมมีไฮไลต์เด็ด คือ สีตา ที่มีทั้งสีฟ้า สีเหลือง หรือตาสองสี (ฟ้าข้างหนึ่ง เหลืองข้างหนึ่ง) ทว่าแมวขาวมณีที่ตาสีฟ้าจะมีโอกาสหูหนวกค่อนข้างสูง แต่อย่างไรก็ดูสวยงามและเป็นที่ต้องการอยู่ดี ส่วนนิสัยขี้เล่น เป็นมิตร และแอ็คทีฟ เข้ากับคนง่าย ทั้งเจ้าของ เด็กเล็ก และคนแปลกหน้า นอกจากนี้ยังเป็นแมวที่ส่งเสียงร้องบ่อยอีกด้วย การดูแลเอาใจใส่เหมือนกับแมวทั่วไป ราคาอยู่ระหว่างหลักพันถึงหลักหมื่น ขึ้นอยู่กับลักษณะและสีของตา

3. วิเชียรมาศ

พันธุ์แมวยอดนิยม

แมววิเชียรมาศ (Siamese) หรือแมวสยาม เป็นแมวไทยโบราณที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศไทย ชื่อหมายถึง เพชรแห่งดวงจันทร์ มีอายุเฉลี่ยประมาณ 15-20 ปี ลักษณะเป็นแมวขนาดกลาง ขนสั้นสีครีมอ่อนถึงสีน้ำตาล ตาสีฟ้าเป็นประกายสดใส หัวได้สัดส่วน หูตั้งชัน หางยาวเรียว ขาหลังยาวและสูงกว่าขาหน้า โดดเด่นด้วยแต้มขนสีน้ำตาลเข้ม 9 จุด คือ ปลายเท้าทั้งสี่ ปลายหูทั้งสอง ปลายหาง บนจมูก และที่อวัยวะเพศ ซึ่งจะขยายขึ้นตามอายุ ส่วนนิสัยฉลาด ขี้เล่น เป็นมิตร ชอบอยู่กับคน และติดเจ้าของมาก การดูแลไม่ยาก สามารถเลี้ยงได้ทั้งในและนอกบ้าน เหมาะจะอยู่เป็นคู่กับแมวตัวอื่น ชอบนอนในที่อุ่น ๆ สบาย ๆ ควรพาออกไปข้างนอกบ้างบางครั้งแต่ระวังอย่าให้โดนแดดจัดเกินไป ส่วนราคาเริ่มต้นประมาณ 3,000-5,000 บาท

4. สก็อตติช โฟลด์

พันธุ์แมวยอดนิยม

แมวสก็อตติช โฟลด์ (Scottish Fold) เป็นแมวที่มาจากประเทศสกอตแลนด์ ผสมพันธุ์ค่อนข้างยาก แต่ได้รับความนิยมค่อนข้างมาก มีอายุเฉลี่ยประมาณ 9-12 ปี ลักษณะเป็นแมวขนาดกลาง หน้าตาน่ารัก ตัวกลมหนา หน้ากลมแป้น ตากลมโต หางกลมยาว ที่สำคัญ คือ หูพับ สั้น เป็นเอกลักษณ์ มองดูแปลกตา แถมจมูกสั้นแบน และมีขนฟูแน่น สวยงาม หลายสี หลายลาย นิสัยดี ขี้เล่น อ่อนโยน สอนง่าย ชอบเล่นกับเจ้าของ เข้ากับเด็กและสุนัขได้ ไม่ชอบอยู่ตามลำพัง ต้องการความรักความเอาใจใส่พอสมควร ต้องการการดูแลปานกลาง ต้องการพื้นที่วิ่งเล่นพอสมควร หมั่นดูแลทำความสะอาดขน ช่องหู และพาไปตรวจสุขภาพเป็นประจำ ทั้งนี้ ระวังอย่าจับหรือเล่นหางเพราะอาจจะทำให้ข้ออักเสบได้ ส่วนราคาประมาณหลักหมื่น

5. อเมริกัน ชอร์ตแฮร์

พันธุ์แมวยอดนิยม

แมวอเมริกัน ชอร์ตแฮร์ (American Shorthair) พัฒนามาจากแมวยุโรปที่ใช้ไว้ไล่หนู มีอายุเฉลี่ยประมาณ 15-20 ปี ลักษณะเป็นแมวขนาดกลางถึงใหญ่ โดดเด่นด้วยลำตัวกลมหนาทรงยาว กล้ามเนื้อแน่น ขาสั้นแข็งแรง เอื้อต่อการเป็นนักล่า โครงหน้ากลมมีแก้ม หูกลม ตาโต และมีไฮไลต์เด็ดที่ขนสั้นตรง สวยงาม มีลายเฉพาะตัว แถมมีหลายสี ส่วนใหญ่จะเป็น 2-3 สีผสมกัน แต่ที่พบมากที่สุดต้องยกให้กับลายทางสีเงินที่มีรอยแต้มสีดำ หรือที่เรียกว่า Silver Classic Tabby ทั้งนี้ แม้ภายนอกจะดูสงบเงียบ แต่ความจริงแล้วขี้เล่น ฉลาด กล้าหาญ และเป็นมิตร รักอิสระเล็กน้อย ทว่าก็เข้ากับคนและสัตว์อื่นได้ดี การดูแลค่อนข้างง่าย ไม่ค่อยมีโรครบกวน ไม่ต้องทำความสะอาดขนบ่อย เพียงแต่ต้องมีพื้นที่ให้วิ่งเล่นและควบคุมอาหารเพราะอ้วนง่าย ส่วนราคาเริ่มต้นอยู่ที่หลักพัน

6. บริติช ชอร์ตแฮร์

พันธุ์แมวยอดนิยม

แมวบริติช ชอร์ตแฮร์ (British Shorthair) สืบเชื้อสายมาจากแมวโรมัน ถือเป็นอีกพันธุ์ที่มีความสามารถในการไล่จับหนู มีอายุเฉลี่ยประมาณ 14-20 ปี ลักษณะเป็นแมวขนาดใหญ่ถึงกลาง รูปร่างกลมหนา พลังเยอะ อกกว้าง คอหนา กรามและขาแข็งแรง จุดเด่น คือ หน้ากลม แก้มยุ้ย หูกลม หูกลม ตาโต หางหนา ดูคล้ายตุ๊กตา แถมขนและลายสวยงาม สั้น ตรง หนานุ่ม มีทั้งแบบสีล้วน สองสี สามสี และลายทาง มีทั้งสีขาว สีเทา สีดำ สีน้ำตาล ทว่าที่พบเห็นบ่อยที่สุดก็คือสีสวาดนั่นเอง ส่วนนิสัยฉลาด ซื่อสัตย์ ไม่ดุร้าย ชอบความเงียบสงบ แต่ก็ไม่มีปัญหากับเด็กและสัตว์อื่น อยู่ตัวเดียวก็ได้ อยู่กับเจ้าของก็ดี ไม่ค่อยชอบให้อุ้ม ดูแลไม่ยาก เหมาะกับระบบปิด ทำความสะอาดขนปานกลาง ให้ระวังแค่โรคเหงือกอักเสบและโรคหัวใจ พร้อมทั้งพยายามพาออกกำลังกายบ้างเพื่อป้องกันปัญหาน้ำหนักเกิน

7. เอ็กโซติก ชอร์ตแฮร์

พันธุ์แมวยอดนิยม

แมวเอ็กโซติก ชอร์ตแฮร์ หรือเอ็กโซติก ขนสั้น (Exotic Shorthair) เป็นแมวพันธุ์ผสม มาจากการผสมพันธุ์ระหว่างแมวเปอร์เซียกับแมวอเมริกัน ชอร์ตแฮร์ ลักษณะที่สังเกตเห็นได้ทั่วไป คือ หัวกลม กะโหลกใหญ่ ตาโต หูเล็ก หน้าแบน จมูกหักรั้น คล้ายกันกับแมวเปอร์เซีย แต่ที่แตกต่าง คือ ขนสั้นแต่หนาแน่นนุ่มคล้ายกำมะหยี่ ส่วนนิสัยน่ารัก ขี้เล่น ซื่อสัตย์ และอดทนได้ดี อยู่กับคนได้ อยู่ตัวเดียวได้ นอกจากนี้ยังรักความเงียบสงบ ไม่ค่อยส่งเสียงร้อง ที่เหลือก็เลี้ยงง่าย ดูแลไม่ยาก แค่จัดสภาพแวดล้อมให้เหมาะสม ก็ไม่ต้องทุ่มเทให้เวลามาก และไม่ต้องทำความสะอาดขนเท่าเปอร์เซีย ส่วนราคาเริ่มต้นหลักหมื่น

8. เปอร์เซีย

พันธุ์แมวยอดนิยม

แมวเปอร์เซีย (Persian) เป็นแมวที่มาจากแถบเปอร์เซีย หรือประเทศตุรกีและอิหร่านในปัจจุบัน ถือเป็นพันธุ์ที่ได้รับความนิยมสูงมาก เลี้ยงกันเกือบทุกประเทศทั่วโลก มีอายุเฉลี่ยประมาณ 8-11 ปี ลักษณะน่ารัก แปลกตา เป็นแมวขนาดกลาง กระดูกใหญ่ กล้ามเนื้อเยอะ รูปร่างป้อม ตัวสั้น ขาสั้น หางสั้นและตรง เอกลักษณ์เด่นคือ หัวกลม ตาโต แก้มแน่น หน้าสั้นแบน ที่สำคัญจมูกหัก มองเห็นได้ชัดเจน และมีขนยาวนุ่มทึบ สวยงาม หลากสี หลายลาย ส่วนใหญ่จะเป็นพวกสีขาว สีครีม สีช็อกโกแลต นิสัยนิ่งเงียบ เป็นมิตร ฉลาด ใจเย็น และเข้ากับคนง่าย บางทีก็ขี้อ้อนคล้ายเด็ก ต้องการการดูแลเอาใจใส่พอประมาณ ชอบความสงบ เหมาะจะเลี้ยงในบ้านหรือระบบปิด ขี้กลัว ไม่ชอบคนและสัตว์แปลกหน้า ต้องทำความสะอาดขนบ่อยเป็นพิเศษ พร้อมทั้งต้องระวังคราบน้ำตาและฮีตสโตรกที่อาจจะเกิดขึ้นได้บ่อยด้วย ราคาเริ่มต้นหลักพัน

9. แร็กดอลล์

พันธุ์แมวยอดนิยม

แมวแร็กดอลล์ (Ragdoll) เป็นแมวที่เกิดจากการผสมพันธุ์ระหว่างแมวเบอร์มีส แมวเบอร์แมน และแมวเปอร์เซีย มีอายุเฉลี่ยประมาณ 12-17 ปี ลักษณะเป็นแมวขนาดใหญ่ ลำตัวยาว กระดูกหนา ขนปุกปุย นุ่มลื่น สวยงาม หน้าเป็นทรงสามเหลี่ยม หูตั้ง หางหนา ขายาว มีแผงคอ ตาสีฟ้า ขนสองสี ส่วนใหญ่มีสีขาวหรือสีครีม โดดเด่นด้วยลายแต้มสีอ่อน-เข้มในจุดที่มองเห็นชัดเจน นิสัยค่อนข้างชิล เป็นมิตร รักสงบ เข้ากับคนได้ดี ทั้งเจ้าของ เด็กเล็ก คนแปลกหน้า และสัตว์ตัวอื่น แถมยังฉลาด ชอบทำกิจกรรมร่วมกันกับคน ชอบนอนหงาย และชอบเดินเล่น การดูแลอยู่ในระดับปานกลาง หมั่นหวีและทำความสะอาดขนเป็นประจำ พร้อมควบคุมอาหารเพื่อป้องกันไม่ให้อ้วนลงพุง ราคาเริ่มต้นที่หลักหมื่น

10. สฟิงซ์

พันธุ์แมวยอดนิยม

แมวสฟิงซ์ (Sphinx) เป็นแมวที่พัฒนามาจากแมวไร้ขน ต้นกำเนิดมาจากประเทศแคนาดา มีอายุเฉลี่ยประมาณ 15-20 ปี จุดเด่น คือ เหมาะกับคนที่เป็นภูมิแพ้ หรือแพ้คนแมว เพราะขนสั้นและบางจนแทบจะไม่มีหลุดออกมากวนใจเลย จึงช่วยลดโปรตีน Fel d 1 ต้นเหตุที่ก่อให้เกิดอาการแพ้น้อยลงได้พอสมควร ลักษณะเป็นแมวขนาดกลาง มาพร้อมหูทรงสามเหลี่ยม หน้าทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีโหนกแก้มและจุดหนวด รูปร่างผอมเพรียว หางยาว ที่สำคัญมีภาพจำคือผิวหนังเหี่ยวย่นแต่อุ่นนิ่ม และขนสั้นมากหรือแทบจะไม่มีขน ส่วนนิสัยน่ารัก ขี้อ้อน ฉลาด อ่อนโยน และร่าเริง เข้ากับเจ้าของ เด็ก คนแปลกหน้า และสัตว์เลี้ยงอื่นได้ดี ดูแลง่าย เหมาะกับการเลี้ยงในบ้าน ฝึกฝนไม่ยาก แต่ควรอาบน้ำหรือแปรงขนเป็นประจำด้วย ส่วนราคาเริ่มต้นหลักหมื่น



ที่มา:https://pet.kapook.com/view237109.html

คาเฟ่กรุงเทพเปิดใหม่ 2023 ร้านกาแฟมุมถ่ายรูปเพียบ!!!

1. MOLYN Café

คาเฟ่กรุงเทพเปิดใหม่ ร้าน MOLYN Café คาเฟ่สุดคิวท์ ย่านเกษตร-นวมินทร์ ตกแต่งคุมโทนด้วยสีขาวตัดกับสีขาว มีความมินิมอลลงตัวสุดๆ ภายในบรรยากาศอบอุ่น เหมาะสำหรับนั่งดื่มเครื่องดื่มและทานขนมอร่อยๆ ซึ่งที่ร้านก็มีเครื่องดื่มทั้งแบบ Coffee และ Non-Coffee และเบเกอรี่ที่ทำสดใหม่ทุกวัน

ที่อยู่ : โครงการ PREMIUM PLACE เกษตร – นวมินทร์ 2 เลขที่ 162/20, 162/21 ถนนประเสริฐมนูกิจ 29 แขวงจรเข้บัว เขตลาดพร้าว กรุงเทพ

เวลาเปิด - ปิด : ทุกวัน 11.00-19.00 น. (หยุดทุกวันจันทร์)

เบอร์โทร : 088 956 4666



2. The Wood Land

คาเฟ่กรุงเทพเปิดใหม่ ใจกลางเมืองย่านสุขุมวิท ร้าน The Wood Land คาเฟ่บรรยากาศแวดล้อมไปด้วยธรรมชาติ ที่ให้คอยให้ความร่มรื่น สดชื่น พร้อมการตกแต่ง และเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ที่เน้นใช้ไม้ ดูกลมกลืนกับบรรยากาศ ที่นี่มีเครื่องดื่มหลากหลายเมนู และมีอาหารและขนมอร่อยๆ ที่พร้อมเสิร์ฟมากมาย

ที่อยู่ : 1-9 สุขุมวิท 52 แขวง บางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร 10260

เวลาเปิด - ปิด : ทุกวัน 08.30 - 21.00 น. (หยุดวันอังคาร)

เบอร์โทร : 061 391 1754



3. Mareeji Cafe & Casual Dining

คาเฟ่เปิดใหม่ ร้าน Mareeji Cafe & Casual Dining คาเฟ่สไตล์โฮมมี่ ร้านสวย บรรยากาศดี ตกแต่งให้ความรู้สึกอบอุ่น โดยเน้นใช้โทนสีน้ำตาลของเฟอร์นิเจอร์ไม้ ภายในมีพื้นที่กว้างขวาง มีที่นั่งให้เลือกเยอะๆ พร้อมอิ่มอร่อยกับอาหารและเครื่องดื่มหลากหลายเมนูที่ทางร้านคัดสรรมาเป็นอย่างดี

ที่อยู่ : ซอย นภาศัพท์ แยก 2 สุขุมวิท 36 แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กรุงเทพฯ

เวลาเปิด - ปิด : ทุกวัน 8.00 - 20.00 น. /เฉพาะวันพฤหัส - เสาร์ ปิด 22:00 น. (หยุดทุกวันพุธ)

เบอร์โทร : 094 312 9797



4. Ternajachob

Ternajachob cafe หรือ เธอน่าจะชอบ คาเฟ่ที่มาในชื่อเรียกสุดเก๋ เป็นคาเฟ่ที่ให้บรรยากาศที่รีเฟรชสุด เพราะมีต้นไม้และดอกไม้มากมาย ให้ทุกคนได้เดินเล่นเพลินๆ และไม่ว่าจะหันไปมุมไหน ก็ถ่ายรูปสวยหมด ที่นี่ มีเมนูทั้งเครื่องดื่มและขนม รวมไปถึงอาหารคาวให้เลือกหลายเมนูเลย

ที่อยู่ : ถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 แขวงประเวศ เขตประเวศ กรุงเทพฯ

เวลาเปิด - ปิด : ทุกวัน 11.00-21.00 น. (หยุดทุกวันจันทร์)

เบอร์โทร : 082 695 6226


5. Oakland Cafe x Restaurant

คาเฟ่ในสวนกรุงเทพเปิดใหม่ Oakland Cafe x Restaurant คาเฟ่สไตล์มินิมอล ตัวคาเฟ่โดดเด่นด้วยการตกแต่งที่ดูเข้ากันดีกับต้นไม้สีเขียว และวิวของท้องฟ้า บรรยากาศดี ฟีลดี เหมาะแก่การมานั่งชิลสุดๆ ทางร้านมีการแบ่งโซนเป็น 2 โซน ได้แก่ โซนคาเฟ่ ที่มีเมนูเครื่องดื่มมากมาย และขนมสไตล์โฮมเมด และโซนร้านอาหาร ในสวน ที่มีเมนูน่าทานหลากหลาย

ที่อยู่ : ถนนราชมนตรี แขวงคลองขวาง เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ

เวลาเปิด - ปิด : ทุกวัน โซนคาเฟ่ เวลา 06.30-18.00 น. /โซนอาหาร เวลา 09.00-22.00 น.

เบอร์โทร : 063 824 2645

เว็บไซต์ : -

เฟซบุ๊ก : Oakland Cafe x Restaurant


6. summ coffee and studio

ร้านกาแฟเปิดใหม่ กรุงเทพ ร้าน summ coffee and studio ร้านสวย บรรยากาศดี มีมุมสวยๆ ให้ถ่ายรูปมเพียบ ทางร้านตกแต่งในโทนสีขาว ตัดกับสีไม้ธรรมชาติ ดูเข้ากันอย่างลงตัว และมีความมินิมอลสุดๆ มีเครื่องดื่มและขนมให้เลือกทานมากมาย และที่นี่ยังเป็น คาเฟ่ Pet Friendly อีกด้วย

ที่อยู่ : 163 ซอยพึ่งมี 16 แขวง บางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพฯ

เวลาเปิด - ปิด : ทุกวัน 08.00 - 16.00 น. (หยุดวันอังคาร-พุธ)

เบอร์โทร : 062 375 8882


7. Paris mei

คาเฟ่เปิดใหม่ กรุเทพ Paris mei คาเฟ่สไตล์โฮมมี่ บรรยากาศสุดอบอุ่น แถมมีมุมให้ถ่ายรูปเพียบเลย จุดเด่นของร้านนี้ที่ไม่เหมือนที่ไหน ก็คือ คาเฟ่จะเปิดตามรอบที่จองเท่านั้น โดยจะเปิดจอง 7 รอบ/ วัน และ รอบละ 2 โต๊ะ เท่านั้น ในส่วนของอาหาร เน้นเสิร์ฟเป็น บรันช์แบบโฮมเมดสไตล์ฝรั่งเศส และชาออร์แกนิกกว่า 10 ชนิด โดยมีการสลับเปลี่ยนเมนูกันไป

ที่อยู่ : 53 ซอย สุขุมวิท 42/1 แขวง พระโขนง เขตคลองเตย กรุงเทพฯ

เวลาเปิด - ปิด : ทุกวัน 07.00 - 17.00 น.

เบอร์โทร : 094 445 4293


8. HILLING

คาเฟ่เปิดใหม่ กรุงเทพ ในย่านสาทร ร้าน HILLING คาเฟ่สไตล์ Glamping ที่มาพร้อมบรรยากาศสุดชิล กับการตกแต่งร้านคุมโทนในสไตล์ Rustic ที่ชวนให้ทุกคนมาพักผ่อน สำหรับเมนูเครื่องดื่มก็มีให้เลือกทั้งกาแฟ เมนู non-coffee และเบเกอรี่หลากหลายเมนู

ที่อยู่ : ซอย เชื้อเพลิง 2 แขวง ทุ่งมหาเมฆ เขต สาทร กรุงเทพฯ

เวลาเปิด - ปิด : ทุกวัน 10.00 - 18.00 น.


9. Pattacup coffee & space

Pattacup coffee & space คาเฟ่บรรยากาศในสวน นั่งสบายๆ มีไม้ประดับตกแต่งไว้ในทุกมุมของร้าน ให้ความรู้สึกสดชื่น สบายตา พื้นที่ของร้าน เป็นทั้งห้องรับแขก และห้องทำงาน สำหรับเมนูเครื่องดื่มก็มีทั้ง Coffee และ Non-coffee ครบครัน

ที่อยู่ : ซอย วิภาวดีรังสิต 60 แยก 14 แขวง ตลาดบางเขน เขต หลักสี่ กรุงเทพฯ

เวลาเปิด - ปิด : ทุกวัน 09.00 - 18.00 น.

เบอร์โทร : 086 608 5465



10. Loading.caffeine

คาเฟ่สไตล์มินิมอล ร้าน Loading.caffeine ร้านสวย บรรยากาศดี ตกแต่งในโทนที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น มีมุมถ่ายรูปสวยๆ มากาย มีโซนให้เลือกนั่งทั้งในร้านและนอกร้าน สำหรับเมนูก็มีหลากหลาย ทั้งเครื่องดื่ม และขนนม ที่รับรองว่ารสชาติดีงามสุดๆ

ที่อยู่ : อินทราวาส 35 แขวงบางระมาด เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ

เวลาเปิด - ปิด : ทุกวัน 10.00-18.00 น.

เบอร์โทร : 098 923 4397

11. RAWR Cafe

คาเฟ่เปิดใหม่ กรุงเทพ ร้าน RAWR Cafe ร้านกาแฟ ฟีลดี ท่ามกลางธรรมชาติสีเขียว ที่ให้ทั้งความสดชื่น และร่มรื่น เหมาะกับการมานั่งชิลๆ หรือจะมาหามุมถ่ายรูปก็ดีงามไปหมด ตัวร้านมีพื้นที่นั่งทั้งด้านนอก และด้านใน ที่ตกแต่งแบบเรียบง่าย สบายๆ ดูอบอุ่น สำหรับเมนูก็มีทั้งกาแฟ และเครื่องดื่มต่างๆ รวมถึงขนมอร่อยๆ หลากเมนู

ที่อยู่ : 46/2 ซอย สุขุมวิท 64 แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กรุงเทพฯ

เวลาเปิด - ปิด : ทุกวัน 10.00 - 18.00 น.

เบอร์โทร : 065 995 6799

12. Take a Breath - café & eatery

คาเฟ่และร้านอาหาร Take a Breath - café & eatery คาเฟ่ในสวนน่านั่ง บรรยากาศดีสุดๆ ล้อมรอบด้วยต้นไม้นานาชนิด มีที่นั่งให้เลือกมากมาย ทั้งในโซน Indoor และ Outdoor ตัวร้านแบ่งเป็นโซนอาหารและโซนคาเฟ่ ในส่วนของคาเฟ่ก็มีทั้งเครื่องดื่มและเบเกอรี่ที่ทั้งสดและใหม่ให้ลิ้มลอง

คาเฟ่และร้านอาหาร Take a Breath - café & eatery คาเฟ่ในสวนน่านั่ง บรรยากาศดีสุดๆ ล้อมรอบด้วยต้นไม้นานาชนิด มีที่นั่งให้เลือกมากมาย ทั้งในโซน Indoor และ Outdoor ตัวร้านแบ่งเป็นโซนอาหารและโซนคาเฟ่ ในส่วนของคาเฟ่ก็มีทั้งเครื่องดื่มและเบเกอรี่ที่ทั้งสดและใหม่ให้ลิ้มลอง

ที่อยู่ : ถนนบางเชือกหนัง แขวงบางเชือกหนัง เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ

เวลาเปิด - ปิด : ทุกวัน โซนคาเฟ่ เปิด 10.00 - 19.00 น. / โซนร้านอาหาร 11.00 - 22.00 น.

เบอร์โทร : 093 583 7079




ที่มา:https://gangtravel.com/87683


10สนามฟุตบอลที่สวยที่สุดในโลก

  1. Pancho Aréna, Felcsut   สโมสรฟุตบอลเล็ก ๆ ในฮังการี ที่มีชื่อว่า Puskás Akadémia FC  จุคนได้ประมาณ 5,000 คน จริงๆแล้วไม่ใหญ่มากครับ แต่...