1. Pancho Aréna, Felcsut
สโมสรฟุตบอลเล็ก ๆ ในฮังการี ที่มีชื่อว่า Puskás Akadémia FC จุคนได้ประมาณ 5,000 คน จริงๆแล้วไม่ใหญ่มากครับ แต่ที่นี่มีความพิเศษ คือ เป็นสนามฟุตบอลที่มีเอกลักษณ์ของสถาปัตยกรรมแบบนีโอโกธิค สังเกตจากส่วนโค้งของหลังคาที่ทำจากไม้ ออกแบบโดยอิมเร มาโคเว็ตซ์ ตำนานสถาปนิกชาวฮังกาเรียน ซึ่งจะทำให้คนดูมีความรู้สึกเหมือนอยู่ในโบสถ์วันอาทิตย์มากกว่าสนามฟุตบอล! จึงรับรองได้ว่าไม่มีสนามไหนเหมือนกับที่นี่อีกแล้ว และใช้เวลาสร้างนานถึง 2 ปีเชียวน้า ใครที่ไปฮังการี แวะถ่ายรูปก็เป็นความคิดที่ไม่เลว
2.Allianz Arena, Munich
แฟนฟุตบอลเยอรมันคงรู้จักสนามนี้กันดี เนื่องจากเป็นบ้านของทีมดัง FC Bayern Munich จุแฟนบอลได้มากถึง 75,000 คน ซึ่งสัญลักษณ์ที่เป็นที่จดจำไปทั่วก็คือ พลาสติก ETFE ส่วนผสมของพลาสติก-ฟอยล์ชนิดพิเศษ อัดก๊าซแห้งเรืองแสงไว้ข้างใน มองแต่ไกลเหมือนยานบินอวกาศสีขาว ถือว่ามีความทันสมัยมากๆครับ และเป็นสนามกีฬาแห่งแรกที่สามารถเปลี่ยนสีอาคารภายนอกได้แบบเต็มรูปแบบ โดยปกติจะเปลี่ยน 3 สี ตามสีของทีมที่ใช้สนามนี้เป็นประจำ เพื่อบอกว่าแต่ละค่ำคืนนั้นทีมใดลงแข่งขัน ได้แก่ สีขาว-ทีมชาติเยอรมัน สีแดง-ทีมบาเยิร์น มิวนิก และสีน้ำเงิน-ทีม 1860 มิวนิก
แฟนฟุตบอลเยอรมันคงรู้จักสนามนี้กันดี เนื่องจากเป็นบ้านของทีมดัง FC Bayern Munich จุแฟนบอลได้มากถึง 75,000 คน ซึ่งสัญลักษณ์ที่เป็นที่จดจำไปทั่วก็คือ พลาสติก ETFE ส่วนผสมของพลาสติก-ฟอยล์ชนิดพิเศษ อัดก๊าซแห้งเรืองแสงไว้ข้างใน มองแต่ไกลเหมือนยานบินอวกาศสีขาว ถือว่ามีความทันสมัยมากๆครับ และเป็นสนามกีฬาแห่งแรกที่สามารถเปลี่ยนสีอาคารภายนอกได้แบบเต็มรูปแบบ โดยปกติจะเปลี่ยน 3 สี ตามสีของทีมที่ใช้สนามนี้เป็นประจำ เพื่อบอกว่าแต่ละค่ำคืนนั้นทีมใดลงแข่งขัน ได้แก่ สีขาว-ทีมชาติเยอรมัน สีแดง-ทีมบาเยิร์น มิวนิก และสีน้ำเงิน-ทีม 1860 มิวนิก
3. National Stadium, Kaohsiung
ใครจะรู้ว่าแถบเอเชียใกล้ๆบ้านเรา อย่างไต้หวัน ที่ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวที่ไป มักไปตระเวนกินครับ ^^ จะมีหนึ่งสนามบอลที่ติดอันดับว่าสวยที่สุดในโลกด้วย สนามกีฬาแห่งชาติเกาสง เคยถูกใช้เป็นสถานที่จัดพิธีเปิด-ปิดการแข่งขันเวิลด์เกมส์ 2009 มีความจุ 55,000 คน ผู้ออกแบบสนามคือ โทะโย อิโต สถาปนิกชื่อดังชาวญี่ปุ่นครับ เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบแนวล้ำสมัย รูปทรงของสนามจึงถูกออกแบบให้มีลักษณะคล้ายมังกรที่กำลังนอนขดตัว และที่หลังคาเขาได้ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์เพื่อใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าใช้ภายในสนาม นับเป็นสนามกีฬาแห่งแรกของโลกที่สร้างด้วยสถาปัตยกรรมที่สวยงาม ทันสมัย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยใช้เทคโนโลยีการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ เจ๋งสุดๆไปเลยล่ะครับ
4. Maracana Stadium, Rio de Janeiro
เป็นสนามฟุตบอลในเมืองรีโอเดจาเนโร ประเทศบราซิล และเป็นสนามกีฬาแห่งชาติของบราซิล สนามมารากานังเป็นสนามเหย้าของสโมสรฟุตบอล 4 สโมสร ได้แก่ ฟลาเมงกู (Flamengo), บอตาโฟกู (Botafogo), ฟลูมีเนงซี (Fluminense) และวัสกู ดา กามา (Vasco da Gama) ครับ
มารากานังเป็นสนามหนึ่งในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 และในรอบรอบชิงชนะเลิศ และเป็นสนามในการแข่งขันฟุตบอลรอบชิงชนะเลิศในโอลิมปิกฤดูร้อน 2016 และเป็นสถานที่จัดพิธีเปิดและปิดโอลิมปิกในครั้งเดียวกัน
อดีตสนามฟุตบอลที่ใหญ่ที่สุดในโลกครับ โดยชื่อของสนามนั้นมาจากชื่อย่านมารากานาที่อยู่โดยรอบ เปิดใช้งานอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 1950 เพื่อใช้ในการแข่งขันฟุตบอลโลก 1950 ซึ่งนัดเปิดสนามระหว่างเจ้าถิ่นแซมบ้ากับทีมจังโก้ เม็กซิโกนั้น มีผู้เข้าชมมากถึง 199,854 คน นับว่ามากที่สุดในโลกเท่าที่เคยมีการบันทึกมา! โดยเดิมทีสนามแห่งนี้มีความจุมากถึง 200,000 คน แต่ได้ลดจำนวนลงเนื่องจากเหตุการณ์อัฒจันทร์ถล่มเมื่อปี 1992 ปัจจุบันมีความจุเหลือเพียง 74,000 ที่นั่งเท่านั้น
5. Luzhniki Stadium, Moscow
สนามหลักของการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซียเป็นเจ้าภาพที่ผ่านมานั่นเอง ใครมีโอกาสได้ไป มีช้างละอิจฉาจริงๆ โดยใช้แข่งขันทั้งในรอบแบ่งกลุ่ม รอบ 16 ทีมสุดท้าย รอบรองชนะเลิศ และรอบชิงชนะเลิศ มีความจุ 80,000 ที่นั่ง ตั้งอยู่ริมแม่น้ำมอสโก เป็นสนามกีฬาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศรัสเซีย สนามกีฬานี้เป็นส่วนหนึ่งของศูนย์โอลิมปิกลุจนีกี ก่อนเรียกว่าสนามกลางเลนิน สนามแห่งนี้เคยเป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน 1980 อีกทั้งเคยใช้จัดการแข่งขันฟุตบอลถ้วยยุโรปรอบชิงชนะเลิศมาแล้วถึง 2 ครั้ง คือ ยูฟ่าคัพ ปี 1999 ระหว่างปาร์มา-มาร์แซย์ และยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ปี 2008 ระหว่างเชลซี-แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ปัจจุบันยังเป็นสนามฟุตบอลของสโมสรฟุตบอลชื่อดังในรัสเซีย คือ สโมสรฟุตบอลซีเอสเคเอมอสโก และสโมสรฟุตบอลสปาร์ตัคมอสโก โดยสนามแห่งนี้มีระดับ 4 ดาว จากการรับรองมาตรฐานจากยูฟ่า
6. Estadio Da Luz, Lisbon
ที่นี่เป็นสนามที่สร้างขึ้นใหม่แทนของเดิมครับ เปิดใช้งานเมื่อ 25 ตุลาคม 2003 จุคนได้ประมาณ 60,000 คน ซึ่งลดความจุจากสนามเดิมครับ ชื่อของสนามมีความหมายเป็นภาษาอังกฤษ ว่า Stadium of light ใช้เป็นสนามเหย้าของสโมสรเบนฟิกา แฟนบอลของเบนฟิกาห้ามพลาดเลยครับ สนามนี้เคยใช้จัดการแข่งขัน ในรายการสำคัญคือ สนามแข่งขันในนัดชิงฟุตบอลยูโร 2004 และนัดชิงฟุตบอลยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีก ในปี 2014 ครับ
7. Wembley Stadium, London
เริ่มก่อสร้างเมื่อปี 2002 เปิดใช้งานอย่างเป็นทางการในปี 2007 ถูกสร้างแทนสนามเวมบลีย์เดิม จุได้ประมาณ 90,000 ที่นั่ง ถือเป็นสนามที่มีความจุมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของทวีปยุโรป จะถูกใช้เป็นสนามในเกมส์รอบรองและรอบชิงชนะเลิศฟุตบอล เอฟเอคัพ นัดชิงลีกคัฟและเคยใช้จัดนัดชิงยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีก ปี 2013 ฟุตบอลในโอลิมปิดเกมส์ 2012 และใช้เป็นสนามเหย้าของทีมชาติอังกฤษ นอกจากนี้จะใช้เป็นสนามเหย้าชั่วคราวของสโมสรฟุตบอลทอตแนมฮอตสเปอร์ ในระหว่างก่อสร้างสนามแห่งใหม่อีกด้วย อีกทั้งจะใช้เป็นเกมส์การแข่งขันรอบรองและรอบชิงรายการฟุตบอลยูโรในปี 2020 รีบจองตั๋วไปลอนดอนเลยครับ อย่าพลาด
8. Stade Louis ii, Monaco
สนามเหย้าของทีมโมนาโก ทีมดังจากลีกเอิง มีความจุประมาณ 20,000 คน สวยทั้งตัวสนามและที่ตั้งของสนามที่ติดกับชายฝั่งทะเลเลยล่ะครับ ก่อสร้างในปี 1980 เปิดใช้อย่างเป็นทางการในปี 1985 ที่นี่มักใช้ในการแข่งบอลยุโรปถ้วยเล็กอย่างยูฟ่าบ่อยๆครับ
9.Estadio Municipal De Braga, Portugal
ก่อสร้างในปี 2003 เปิดใช้งานอย่างเป็นทางการปีในปีเดียวกัน จุคนดูได้ราวๆ 30,000 คน ที่นี่เป็นสนามเหย้าของสโมสรบราก้า และใช้เป็นสนามแข่งขันฟุตบอลยูโร 2004 และยังเป็นสนามเหย้าของทีมชาติโปรตุเกสในบางโอกาส จุดเด่นของสนามนี้คือ ความสวยงามของทิวทัศน์ ที่รอบล้อมด้วยหุบเชา พี่ช้างว่าสวยน่าดูครับ ถ้าได้ไป เชียร์บอลไปด้วย เห็นบรรยากาศที่สวยงาม ต้องไปให้ได้ก่อนตายอย่างแน่นอน ^^ สิ่งที่น่าประทับใจคือ เราได้เห็นสถานที่งามๆ แบบนี้ เงินลงทุนใช่ย่อยเลยครับ ใช้เงินไปถึง 83 ล้านยูโร ในการขุดเจาะหุบเขาเพื่อจะสร้างสนามแห่งนี้ครับ
10ช้างอารีย์น่า
ช้างอารีนา หรือชื่อเดิม ไอ-โมบาย สเตเดียม ตั้งอยู่ที่อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นสนามกีฬาที่สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นสนามเหย้าของสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ยูไนเต็ด สนามแห่งมีความจุ 32,600 ที่นั่ง ถือได้ว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวดึงดูดผู้คนทั้งในและจังหวัด ใกล้เคียงรวมถึงแฟนบอลทุกเพศทุกวัยให้มาที่นี่ เพื่อชมสนามฟุตบอลที่สวยงามและได้มาตราฐานระดับโลก เมื่อเดินขึ้นบันไดเข้ามาสู่สนามต้องร้องว้าว เพราะสนามสวยงามทันสมัยยิ่งใหญ่ เหมือนกำลังเดินชมสนามฟุตบอลในต่างประเทศ สิ่งแรกที่สะกดสายตา คือ ตัวสนามหญ้าพร้อมสแตนด์ฝั่งตะวันตกที่มีตัวอักษร Thunder Castle เด่นเป็นสง่าตัดกับพื้นหญ้าสีเขียว ตัวสนามเน้นใช้สีน้ำเงินทำให้ดูเรียบโก้และหนักแน่น โดยสามารถเดินชมและถ่ายภาพได้ทั้งหมดยกเว้นห้ามเดินลงไปเหยียบหญ้า เพราะหญ้าคือหัวใจสำคัญ ของสนามฟุตบอลต้องดูแลรักษากันเป็นอย่างดี
ที่มา:https://www.changtrixget.com/travel/the-most-beautiful-football-stadiums-in-the-world/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น